ไปญี่ปุ่น..ทำอะไร ?
SOA Workshop and travel in Japan 2019 - Part 2
"ต่อจากครั้งที่แล้วที่เราได้พูดถึงการได้เดินทางไปถึงที่ญี่ปุ่นและหมู่บ้านมิตซีเอะแล้ว นอกจากการเที่ยวแล้วก็ยังมี part ของการทำ Workshop งานไม้ด้วยเช่นกัน จะเป็นอย่างไร ติดตามได้เลย (มีคลิปบรรยากาศให้ชมช่วงท้ายด้วยนะ)"
TEXT : Palita Thongmak
พูดถึงช่วงเวลาการ workshop ก็ถือว่าสนุกดีนะ เราต้องเสนอไอเดียทดลองทำโปรเจคเล็ก ๆ ให้กับพื้นที่ที่เราเลือกเพื่อพัฒนาหรือสร้างโอกาสต่าง ๆ ให้กับพื้นที่ตรงนั้น โดยสถาปัตยกรรมที่เราเลือกจะทำต้องมีโครงสร้างเป็นการ Joint ไม้ ซึ่งจะมีอาจารย์ชาวญี่ปุ่นจาก Sugiyama Jogakuen University มาให้ความรู้ ให้เราได้ลองเลื่อยไม้ทำjointกันเองด้วย โดยส่วนตัวคือชอบตรงนี้มาก ได้ลงมือ ได้ออกแรง ได้เห็นทุกคนง่วนอยู่กับการทำงานการเลื่อยไม้ ต่อไม้ มันสนุกดี ฮ่า ๆ นอกจากนี้อาจารย์เขาก็พานักศึกษาของเขามาร่วมสมทบ work shop กับเราด้วย ทุกคนน่ารักมาก ๆ
ช่วง workshop คือเหมือนกันกับตอนที่เราเรียนเลย มีการนำเสนอผลงาน มีตัดโมเดล ทำสไลด์โชว์ ซึ่งแต่ละกลุ่มก็จะแบ่ง ๆ หน้าที่กันไป ซึ่งในส่วนนี้แหละที่นักศึกษาจาก Sugiyama Jogakuen University จะมาช่วยเราด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการช่วยตัดโมเดล เพราะยังคุยกันไม่รู้เรื่อง ฮ่า ๆ สภาพห้องทำงานตอนนั้นคือเละเทะมากกกกก เศษไม้เศษกระดาษเต็มไปหมด แต่ก็เป็นสภาพที่คุ้นเคยของเด็กคณะนี้ ฮ่า ๆ และก็แอบมีปัญหาเล็ก ๆ คือแหล่งที่ซื้อของตัดโมเดลมันอยู่ไกลเสียเหลือเกินนนน ต้องวางแผนซื้อของให้ดี อย่าให้ของขาด เพราะออกไปซื้อได้รอบเดียว ฮ่า ๆ
บรรยากาศตอนที่ต้องพรีเซนต์หน้าห้องเรียนให้อาจารย์ฟังให้แต่ละครั้งก็ถือว่าชิล ๆ เลยนะ เพราะตอนนี้มีแต่อาจารย์ที่เราคุ้นเคย แต่ว่าเราต้องพรีเซนต์เป็นภาษาอังกฤษ! เพราะอาจารย์บอกว่าวันไฟนอลจริง ๆ จะมีพวกอาจารย์จากญี่ปุ่นเขาจะมาเป็นคณะกรรมการตรวจในครั้งนั้นด้วย พอรู้อย่างนี้ก็นั่งท่องสคริปวนไปแบ่ง ๆ กันพูดกับคนในกลุ่มไม่ใช่เรื่องยาก
มาถึงตอนนี้ทุกคนคงจะเห็นแล้วล่ะว่าปัญหาหลัก ๆ ของการทำงานคือเรื่องของภาษาการสื่อสารเพราะว่าในทริปคือมีทั้งชาวไทย (กลุ่มพวกเราเอง) ชาวญี่ปุ่น (อาจารย์, คนที่คอยดูแลและนักศึกษาที่ตามมาสมทบ) ชาวสเปนและชาวฟิจิ (คนที่มาร่วม work & travel) แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหามากขนาดนั้น เราคิดว่ามันไม่แปลกที่ตอนแรกจะเป็นปัญหาเพราะยังปรับตัวกันไม่ได้ แต่พอเข้าวันที่ 2-3 ก็ชิล ๆ กันหมดแล้ว ภาษากลางที่ใช้กันคือภาษาอังกฤษ ตอนเราจับกลุ่มทำงานก็จับได้ชาวต่างชาติมาอยู่ด้วย ตอนนั้นคนไทยด้วยกันในกลุ่มคือมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ฮ่า ๆ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี การพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ยากขนาดนั้น เพราะเปิด google translate ช่วย ฮ่า ๆ แต่ส่วนหนึ่งมันก็มาจากการที่ทุกคนเข้าใจกันในเรื่องของภาษากันอยู่แล้ว และความกล้าที่จะพูดคุย ก็เราไม่ใช่ native speaker นี่เนอะ ก็ถือว่าใช้ช่วงนี้ฝึกและพัฒนาสกิลต่อในอนาคตแล้วกัน
นอกจากนี้ในทริปยังมีการพาไปดูบ้านตัวอย่างที่รุ่นพี่สหกิจศึกษาเคยทำไว้ด้วย เป็นบ้านไม้ 2 ชั้นเล็กๆ โครงสร้างเป็นการ jointไม้ทั้งหลัง คือมันสวยและน่าอยู่มากๆ ดูอบอุ่น มีความมินิมอลตามสไตล์ญี่ปุ่นเขา แต่แอบรู้มาว่าบ้านหลังนี้มีคุณค่าและราคาแพงมากเพราะเป็นเหมือนบ้านต้นแบบ และถูกสร้างในจุดที่สามารถมองเห็นวิวไร่นาของหมู่บ้านได้ชัดเจนมากอีกด้วย
.
.
.
ขอแถมอีกสักหน่อย
จากครั้งที่แล้วเราแอบลืมเล่าเรื่องเกี่ยวกับ ‘ห้องอาบน้ำ’ ไปบ้าง จริงๆมันเป็นปัญหากับเราชาวไทยประมาณหนึ่งเลยล่ะ ซึ่งก็คือ
ที่พักไม่มีห้องน้ำไว้สำหรับอาบน้ำ!
จริง ๆ เขาก็แก้ปัญหาโดยการที่ทุกเย็นก็จะพาไปอาบน้ำที่ออนเซ็น แต่คัลเจอร์คนไทยอาบน้ำวันละสองรอบอะเนอะ ทีนี้ตอนเช้าจะทำยังไงล่ะ ฮ่า ๆ ก็เลยเกิดทำห้องน้ำคนพิการเป็นที่อาบน้ำ ทางฝั่งของผู้ชายก็ใช้ห้องน้ำทำเป็นห้องอาบน้ำไปในตัว และอีกที่เป็นที่อาบน้ำกลางแจ้ง(แยกออกจากอาคารที่พัก) โดยการขึงผ้าใบเพื่อความ privacy ต่อสายยางอาบน้ำเย็นๆชื่นใจกันไป ซึ่งในช่วงวันท้าย ๆ ทุกคนจะมาใช้ที่นี่กันหมดเพราะว่าน้ำในห้องน้ำหลักเกิดระบายไม่ทันแล้ว ฮ่า ๆ โชคดีที่ไม่ใช่ฤดูหนาวของที่ญี่ปุ่นแต่สำหรับคนไทยแล้วก็ยังถือว่าหนาวอยู่หน่อย ๆ
ส่วนเหตุการณ์ที่ออนเซ็นวันแรกๆก็จะมีเคอะเขินกันบ้าง แต่ ๆ ๆ ถ้าเราผ่านตรงนั้นไปได้ที่เหลือคือความสะบายยยย ไม่อยากไปไหน อยากแช่ทั้งวัน แต่ไม่ได้อะเนอะ เขามีเวลาเปิด-ปิด แช่นานไปก็เป็นอันตรายกับเราเองได้ ตรงนี้ไม่มีภาพข้างในให้ดู แต่ก็เก็บภาพบรรยากาศข้างนอกบ่อออนเซ็นมาให้ดูและจินตนาการตามว่าเราได้นอนแช่น้ำอุ่นท่ามกลางภูเขาและป่าจะมีความสุขมากแค่ไหน :D