ไปญี่ปุ่น..ทำอะไร ?
SOA Workshop and travel in Japan 2019 - Part 1
"เริ่มต้นการเดินทางสู่ Nara ประเทศญี่ปุ่น ของนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุมทั้ง 2 สาขา การเปิดโลกและประสบการณ์การทำงานใหม่ๆในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ไม่ใช่แค่การเที่ยวเท่านั้น ยังมีทั้งการทำงานกับชาวต่างชาติ และอยู่กับวัฒนธรรมที่แตกต่างอีกด้วย (มีคลิปบรรยากาศให้ชมช่วงท้ายด้วยนะ)"
TEXT : Palita Thongmak
...หลังจากออกจากสนามบินคันไซ เราก็มุ่งตรงไปที่จังหวัดนารากันเลย ถ้าถามว่าตื่นเต้นไหม ตอบเลยว่าหิวมากกว่า ยังดีที่ซื้อของกินจากมาร์ทในสนามบินติดมาบ้าง ก็กินตลอดทางเลยเดี๋ยวไม่มีแรงเดินลากกระเป๋า ฮ่า ๆ
เมื่อมาถึงที่หมาย อาจารย์ก็ปล่อยแก๊งค์นักศึกษาเดินเล่นตามอัธยาศัยในสวน "Nara Park" สิ่งแรกที่เราเห็นคือกวางที่นี่เยอะมากๆ ล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด เรียกได้ว่าประกบนักท่องเที่ยวได้ตัวต่อตัวเลยทีเดียว เดินๆไปก็มีบางตัวเดินมาหาเหมือนจะมาขอขนม ซึ่งที่สวนกวางนาราแห่งนี้นอกจากจะร้านขายของฝากทั่วไปเขาก็ยังมีพ่อค้าแม่ค้าที่ขายขนมให้นักท่องเที่ยวเอาไปป้อนให้กวางด้วย พูดถึงบรรยากาศคือสวย เดินแล้วรู้สึกฉันสวย เพราะบรรยากาศมันสวย ฮ่า ๆ อากาศแอบร้อนนิดหน่อยแต่ไม่ร้อนสู้ประเทศไทยก็เลยเดินชมวิวถ่ายรูปได้ยาวๆ
เมื่อเดินผ่านสวนกวางนาราเข้ามาเรื่อยๆก็ถึง "วัดโทไดจิ" ซึ่งเป็นวัดที่มีความโด่งดังและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในประเทศญี่ปุ่น พอขึ้นรถบัสเพื่อจะไปสถานที่ต่อไปก็พบกับ "ยูกะ" คนที่จะคอยดูแล ประสานงานรวมถึงเป็นล่ามให้ด้วย และยังมีคนที่มา workshop เพิ่มด้วยอีกสองคน เป็นชาวสเปนกับชาวฟิจิ และสถานที่ต่อไปของพวกเราก็คือวัดที่เป็นหนึ่งในมรดกโลกของญี่ปุ่น "วัดโฮริวจิ" สิ่งแรกที่นึกถึงเลยคือเหมือนอยู่ในโลเคชันหนังพีเรียดตะวันออกซักเรื่อง เพราะวัดกว้างขวางมากๆ เงียบสงบ ในวัดเต็มไปด้วยของสำคัญของชาติ มีอาคารไม้ที่เก่าแก่มากๆอยู่หลายหลัง และวัดสุดท้ายในจังหวัดนาราที่เราจะไปในวันนี้คือ "วัดโทโชไดจิ" วัดที่มีความเก่าแก่ถึงพันกว่าปีเลยทีเดียว เรากับเพื่อนๆก็เลยแอบแวะซื้อเครื่องรางติดไม้ติดมือกันไปเสียหน่อย
หลังจากทัวร์มาทั้งวัน ตกเย็นเราก็เดินทางไปที่ "มิตสึเอะ" แต่ก่อนจะขึ้นตัวเขานั้นเราต้องแวะซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตกันหน่อยเพราะบนเขาไม่มีร้านค้า! พอนั่งรถขึ้นตัวเขาก็เห็นวิวธรรมชาติป่าไม้อุดมสมบูรณ์ แต่ตอนที่ขึ้นเขามาก็ช่วงเย็นมากแล้วก็แอบวังเวงนิดหน่อย
และแล้วก็ถึงเวลาที่รอคอย Welcome Party! พอไปถึงสถานที่จัดงานก็งงๆนิดหน่อยว่าฉันต้องทำไรต่อนะ? สรุปคือไม่ต้องทำอะไร รอกินเท่านั้น กินอย่างเดียว มีคุณลุงคนญี่ปุ่นคอยย่างเนื้อให้ ย่างแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว เพราะกินเก่งกินไวกันเหลือเกิน ก็มันอร่อยนี่เนอะ เมื่อกินกันเสร็จก็แยกไปอาบน้ำ เพราะไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่ลงจากเครื่องบินกันเลย แต่กลับเจอคัลเจอร์ช็อค ห้องอาบน้ำรวม! ด้วยความคนไทยเราย่อมไม่คุ้นชินกับการอาบน้ำรวมอยู่แล้ว เลยนัดแนะกับเพื่อนไปว่าเออๆหันหลัง อย่ามองนะเว้ย วุ่นวายไปหมด ฮ่าๆ
ในที่สุดเวลาพักผ่อนก็มาถึง เราเดินทางมาถึงตัวที่พักแล้ว! ซึ่งตัวที่พักของพวกเราเป็นศูนย์การเรียนรู้ ตอนแรกที่เห็นคือเราคิดว่าโรงเรียนเด็กประถม เป็นอาคารไม้ชั้นเดียวเดินเข้าโถงไปก็เจอทางเดินแยกซ้าย-ขวา เหมือนโรงฝึกในการ์ตูนญี่ปุ่นเลย ซึ่งก่อนจะแยกย้ายเข้านอนก็แอบมีมื้อดึกกันเล็กน้อย สรุปก็นอนท้องตึงกันไป
เช้าวันต่อมาก็ถึงเวลา workshop ก็ได้ทำการประชุมว่าไซต์ที่เราจะต้องworkshopเนี่ยมันมีที่ไหนบ้างแล้วก็แบ่งกลุ่มกันทำงาน พอเสร็จแล้วอาจารย์ก็พาไปกินข้าวที่ city hall เป็นสภาของหมู่บ้าน แล้วก็พาเดินรอบๆหมู่บ้านกันต่อ ที่แรกที่พาไปดูคือบ้านที่หรูที่สุดในหมู่บ้าน ซึ่งระหว่างที่เดินในหมู่บ้านนั้นก็สัมผัสได้ถึงความเงียบ แอบสงสัยว่าไม่มีคนอยู่กันเลยเหรอ เดินไปเกรงใจไปเพราะกลัวจะไปรบกวนเขา ฮ่า ๆ
จากนั้นก็เริ่มไปดูไซต์ที่จะ workshop กัน ที่แรกคือวัดเก่าแก่ของหมู่บ้าน เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินสูงอีกทีเหมือนในการ์ตูนญี่ปุ่นที่เคยดู แต่วัดนี้ไม่ได้สูงขนาดนั้น กะทางสายตาคร่าวๆประมาณ2เมตรได้ และที่ซุ้มทางเข้าเขาบอกว่าเป็นหลังคาหญ้า100ปีเลยนะ
ไซต์ที่สอง เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ (Shisha Shrine)ก่อนเข้าศาลเจ้าต้องล้างมือตามขั้นตอน แต่ไม่ใช่การล้างมือแบบถูสบู่ทำความสะอาดนะ ฮ่า ๆ อันนี้ล้างเป็นแบบวัฒธรรมก่อนเข้าศาลเจ้าของคนญี่ปุ่นเขา ทางเข้าศาลเจ้าจะมีอ่างน้ำเล็กๆกับกระบวยไว้ตักราด ตอนแรกที่เห็นคือนึกว่าน้ำให้เอาไว้ดื่ม ในบริเวณศาลเจ้ามีบรรยากาศร่มรื่นเพราะอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่อย่างต้น"สุกิ" ที่เป็นต้นไม้ขึ้นชื่อหรือต้นไม้ส่งออกของเมืองมิตสึเอะ
ขอแอบมารีวิวไม้สุกิสั้นๆสักหน่อย ไม้สุกิเป็นไม้ที่ทั้งลายทั้งสีคือสวยและหอมมากกกกกกก เพื่อนที่ไปด้วยกันคือขอดมไม้ทั้งวัน ฮ่า ๆ
ส่วนไซต์สุดท้ายที่อยู่ไกลออกมาจากตัวหมู่บ้านจนต้องนั่งรถมาก็คือฟาร์มปศุสัตว์ (Mitsue Kogen Ranch) เป็นฟาร์มวัวกว้างๆกลางแจ้งแต่มีลมเย็นๆพัดมาตลอด ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่เขาค้อเขาใหญ่ประมาณนั้นเลย อากาศดีมากๆ
และเมื่อเสร็จจากการไปดูไซต์กันมา อาจารย์ก็ให้นักศึกษานั่งประชุมสุมหัวกับทีมของตัวเองกันอีกทีว่าจะทำอะไรบนไซต์ที่เลือก มีไอเดียอะไรบ้าง จากนั้นก็พรีเซ้นท์ให้อาจารย์ฟัง เสร็จแล้วก็แยกย้ายไปพักผ่อนรอทานมื้อเย็น
บอกก่อนเลยว่าหลังจากนี้ทุกมื้ออาหารต้องทำกินเอง มีวัตถุดิบให้ โชคดีที่พี่ๆนักศึกษาที่มาด้วยกันทำอาหารเป็นกันหลายคน บางครั้งอาจารย์หรือยูกะเองก็มาช่วยทำอาหารกันด้วย ช่วงเวลานี้คือเหมือนเราได้มาเข้าค่าย มีความเซอร์ไววอลเล็กๆ แต่เป็นค่ายที่ไม่ได้เป็นแค่ของนักเรียน เป็นค่ายที่รวมเอาอาจารย์มาเซอร์ไววอลด้วย ฮ่าๆ